A History of Nothingness ล่องลอยในความเงียบอันไพเราะ
“A History of Nothingness” คือผลงานดนตรีที่ท้าทายและน่าดึงดูดของนักแต่งเพลง experimental ยุคใหม่ John Cage ผู้เป็นที่รู้จักจากแนวคิด radical เกี่ยวกับ âm thanh และการกำหนดบทบาทของผู้ฟัง “A History of Nothingness” ไม่ใช่แค่ดนตรี แต่เป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกทัศน์ ซึ่งชวนให้เราตั้งคำถามและสำรวจความหมายของเสียงเงียบ
John Cage (1912-1992) เป็นหนึ่งในตัวเลขสำคัญของ avant-garde ในศตวรรษที่ 20 เขาไม่เพียงแต่แต่งเพลงเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรัชญา นักทฤษฎีดนตรี และผู้สนับสนุนแนวคิดการ “deconstruction” ของความหมายเดิมๆ ในดนตรี
Cage เกิดใน Pomana, California และเริ่มต้นเส้นทางดนตรีด้วยการศึกษาเปียโนและ composition. เขาได้รับอิทธิพลจาก zen Buddhism, dadaism, และ indeterminacy ซึ่งเป็นแนวคิดที่ส่งผลต่อผลงานของเขาอย่างมาก
“A History of Nothingness” เป็นหนึ่งในผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและวิสัยทัศน์ของ Cage อย่างชัดเจน ในผลงานชิ้นนี้ Cage ทิ้ง “notes” และ “melody” ที่เป็นแบบแผนทั้งหมด และมุ่งเน้นไปที่เสียงเงียบและการไม่มีดนตรี
Cage เชื่อว่าเสียงเงียบไม่ได้เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า แต่เป็นพื้นที่แห่งความเป็นไปได้ และความหมายที่รอคอยการถูกตีความ
ใน “A History of Nothingness” ผู้ฟังจะถูกทิ้งให้อยู่กับความเงียบ 4 นาที 33 วินาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ผู้ชมสามารถรับรู้ถึงเสียงรบกวนต่างๆ รอบตัว เช่น เสียงลมหายใจ, เสียงรถวิ่งผ่าน, หรือเสียงจิ๊กร้อง
Cage มองว่า “A History of Nothingness” เป็นการทดลองทางดนตรีที่ทำให้ผู้ฟังตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสียงเงียบและเสียงต่างๆ
“A History of Nothingness” ได้รับทั้งคำวิจารณ์เชิงบวกและลบ แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานชิ้นนี้ได้จุดประกายให้เกิดการสนทนาที่สำคัญเกี่ยวกับธรรมชาติของดนตรี, บทบาทของผู้ฟัง, และความหมายของ “nothingness”.
ความเป็นมาของแนวคิด experimental music:
ช่วงเวลา | แนวคิดสำคัญ | ตัวอย่างศิลปิน |
---|---|---|
1900s - 1920s | การทดลองกับ sound effects, dissonance, และ polyrhythms | Igor Stravinsky, Arnold Schoenberg |
1940s - 1960s | Indeterminacy, aleatory music (ดนตรีแบบสุ่ม), usage of non-musical sounds | John Cage, Karlheinz Stockhausen |
1970s - present | Minimalism, drone music, electronic music, noise music | Steve Reich, Terry Riley, Brian Eno |
John Cage ไม่ใช่ผู้เดียวที่ได้ท้าทายค่านิยมดนตรีแบบดั้งเดิม ศิลปิน experimental อื่นๆ ก็ได้สร้างผลงานที่นอกเหนือจากรูปแบบและความคาดหมายทั่วไป
Karlheinz Stockhausen เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมันผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในบิดาของ electronic music. “Gesang der Jünglinge” (Song of the Young Men) ของเขา เป็นผลงานที่ใช้เทคนิค tape manipulation และ musique concrète.
Steve Reich เป็นนักแต่งเพลง minimal music ชื่อดัง ผลงาน “Music for 18 Musicians” นั้นเป็นตัวอย่างของการสร้างความซับซ้อนจากความเรียบง่าย
“A History of Nothingness” อาจดูเหมือนเป็นดนตรีที่แปลกประหลาดสำหรับผู้ฟังที่คุ้นเคยกับเพลงป๊อป, คลาสสิค หรือแจ๊ซ แต่ผลงานชิ้นนี้ก็เชิญชวนให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายของดนตรี และบทบาทของผู้ฟัง
Cage เชื่อว่า “A History of Nothingness” ไม่ใช่แค่การเงียบเท่านั้น แต่เป็น “silent concert” ที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้